เกษียณคือข้อกำหนดของสังคมชนิด
หนึ่ง ที่จำกัดความสามารถของบุคคลซึ่ง
อาจจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจที่จะหยุดการ
ทำงานเมื่ออายุหกสิบปี
มันเป็นความเชื่อที่ได้รับการปลูกฝัง
จากการอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก ว่าคน
เราเมื่ออายุหกสิบปี เขาจะต้องวางมือ
จากงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ใช้แรง
งานหรืองานที่ใช้สมอง
และไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเสมียนหรือ
เป็นผู้บริหารระดับมือเงืนมือทอง พวก
เขาจะต้องหยุด วางมือ และถอยออก
ไปนั่งๆนอนๆอยู่กับบ้าน รดน้ำต้นไม้
เล่นกับหลานตัวเล็กๆให้ชื่นอกชื่นใจ
ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาสมควรได้
รับชีวิตที่สุขสบายในยามบั้นปลายของ
ชีวิต เรียกว่าการเกษียณซึ่งคนจีนเรียก
คำนี้ว่า ทุยซิว
คำทุยซิวนี้ความหมายของ ทุยคือ
ถอยหลัง ซิวคือการพักผ่อน ซึ่งนั่นก็คือ
การถอยจากความรุ่งเรือง ถอยจากชีวิต
ที่วุ่นวายกลับไปพักผ่อนอย่างสงบ อยู่
ว่างๆอย่างมีความสุข แต่...นั่นเป็นความ
สุขจริงหรือ?
ในความเป็นมนุษย์ เราต่างมีแนวคิดที่
เป็นของตนเอง มีการดำเนินชีวิตตามความ
พอใจของตน แน่นอนว่าการถอยกลับไป
พักย่อมจะมีทั้งผู้ที่พอใจและผู้ที่ทำใจไม่
ได้กับการที่จะต้องถอยจริงๆ
มันอาจเป็นช่วงชีวิตขาลงที่น่ารันทด
ที่สุดของบางคนจากการที่เคยมีผู้คนล้อม
รอบเอาอกเอาใจกลับกลายมาเป็นผู้สูง
อายุที่นั่งชมนกชมไม้ในสวนเพียงลำพัง
ไร้คนมารุมล้อมอีก
เพราะยังยึดติดกับความรุ่งเรืองใน
ครั้งก่อน จึงนั่งเสียสุขภาพจิตไปวันๆ
อาการปลงไม่ตก ปล่อยวางไม่ลง ยัง
ยึดติดอยู่กับลาภยศสรรเสริญ สร้าง
ทุกข์ในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในทางศาสนาพุทธจึงได้มีการกล่าว
ถึงโลกธรรมแปด (คือเรื่องธรรมดาโลก)
ที่ประกอบด้วยสิ่งที่เป็นที่รักที่ปรารถนา
สี่ประการและสิ่งที่ไม่เป็นที่ปรารถนาของ
มนุษย์สี่ประการ ซึ่งทั้งแปดประการนี้มัก
จะอยู่คู่กันไปในการใช้ชีวิตนั่นคือ
การได้ลาภ และเสื่อมลาภ
การได้ยศ และเสื่อมยศ
ได้รับการสรรเสริญ และนินทาว่าร้าย
การมีความสุข และ เป็นทุกข์
โลกธรรมแปดนี้เป็นหลักธรรมเพื่อ
เสนอแนวทางให้ผู้ที่เกิดความกดดันจาก
ปัญหาชีวิตได้รู้จักปรับตัวให้ใช้ชีวิตได้
อย่างปล่อยวาง และมีความสุขในชีวิตได้
นั่นเอง
เช่นเดียวกัน การเกษียณอายุการทำงาน
ในขณะที่สำหรับบางคนการเกษียณอายุ
การทำงานอาจทำให้ชีวิตของเขาอับเฉา
เหมือนดอกไม้ในแจกันที่โรยรา แต่สำหรับ
กับบางคนอาจเป็นการเริ่มต้นของความตื่น
เต้นท้าทายใหม่ๆก็เป็นได้ นั่นขึ้นอยู่กับว่า
เขาต้องการให้ชีวิตต่อจากนั้นของพวกเขา
เป็นอย่างไร
สังคมบอกว่า เกษียณแล้ว ต้องพัก คำว่า
ต้องพักคือพักอย่างไร เลิกคิดทุกอย่างใช้
สมองมามากแล้ว พักสมองบ้าง นั่งๆนอนๆ
ให้สบาย ใช่หรือไม่
คนอื่นบอกว่า อายุเยอะแล้วห้ามเคลื่อน
ไหวมากๆ กระดูกกระเดี้ยวไม่แข็งเหมือนเมื่อ
ก่อน อาจพังพาบไปได้ง่ายๆ ต้องหยุดกิจกรรม
ที่เคยๆแล้วมาเป็นคนสูงวัยที่ต้องเดินช้าๆ เพื่อ
รอวันที่จะแก่หง่อม และหลับอย่างสงบ เหมือน
ผลไม้ที่สุกคาต้นและร่วงลงสู่พื้นดิน นั่นใช่หรือ
อย่างไร
ในปัจจุบัน สังคมเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่ง
หมายความว่าผู้อาวุโสด้วยอายุของสังคมมีมาก
ขึ้น กลับมีแนวคิดที่จะขยายระยะวลาการ
เกษียณอายุ ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์หลาย
กระแส
ที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือ แก่จะตายแล้วยังจะ
ให้ทำงานต่ออีก ทำไม่ไหวแล้ว อยากพัก
สังขารไม่อำนวย (โดยผู้ที่พูดไม่ได้มีท่าทาง
"ไม่ไหว" หรือ"แก่หง่อม"อย่างที่เจ้าตัวคิด
แม้แต่น้อย)
ความจริงแล้ว มนุษย์ทุกคนต่างก็มีพลังใน
ตัวเองมากกว่าที่ตนเองคิดไว้มากมายนัก ขึ้น
อยู่กับว่าพวกเขามีความเชื่ออย่างไร และยิน
ยอมที่จะอยู่ในกรอบ(ที่คนอื่นพยายามจำกัด
ความสามารถของพวกเขาไว้) ตลอดชั่วชีวิต
โดยเชื่อว่า ถึงเวลาและเป็นวัยที่เขาต้องวางมือ
จากทุกสรรพสิ่ง และอยู่เฉยๆไปวันๆอย่างมี
ความสุขเพื่อรอเวลา...จริงๆ
หรือเชื่อว่าพวกเขาสามารถทลายกรอบ
ที่เลื่อนลอยนั้น เพื่อออกมาใช้ชีวิตอย่างที่ตน
เองอยากจะเป็น อย่างมีความสุขได้
คาร์ล โจเซฟ ชายที่เกิดมามีขาเพียงข้าง
เดียว ผู้ที่สามารถกระโดดขึ้นไปดั๊งค์พาลูกบาส
ยัดมันลงห่วงได้ ในการเล่นบาสเก๊ตบอล และยัง
สามารถกระโดดได้สูง 5 ฟุต 10 นิ้วในการเล่น
กรีฑา กล่าวไว้ว่า
"ทุกอย่างอยู่ที่ใจ คุณต้องลงมือลองทำดู"
คนอายุในวัยเกษียณจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิต
อยู่ท่ามกลางความรุ่งเรืองในชีวิตของเขา หลัง
เกษียณจากงานประจำที่เคยทำ
แน่นอนว่าพวกเขาคือผู้ที่ไม่ยินยอมที่จะให้
คนอื่นมากำหนดกรอบในการใช้ขีวิตของเขา
"ไม่เคยมีคำว่า สายเกินไป สำหรับการเลือก
เป็นคนที่คุณควรจะเป็น" (จอร์จ เอลเลียส)
นั่นขึ้นอยู่ที่ใจของของผู้ที่จะถึงวัยเกษียณ
ว่าเขาตัดสินใจที่จะถอยหลังกลับไปพักเงียบๆ
หรือจะถอยจากชีวิตเดิมๆเพื่อเดินสู่ชีวิตใหม่
สู่ความท้าทายใหม่ๆ โดยไม่ปล่อยให้คนอื่นมา
กำหนดกฎเกณฑ์ชีวิตของเขา เพราะว่า
"เราเป็นอย่างที่เราคิด ไม่ได้เป็นอย่างที่
คนอื่นตัดสิน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น