วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความจริงกับการมีศักดิ์ศรี


       ความจริงกับการมีศักดิ์ศรี

     หลายคนอาจเคยพบเจอความ
เจ็บปวดจากการถูกดูหมิ่นเหยียบ
ย่ำศักดิ์ศรี และบ่อยครั่งที่อาจจะ
รู้สึกเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี บางคน
เสพศักดิ์ศรี และเป็นเวลานานมากแล้วที่คนเรายึด
มั่นในศักดิ์ศรี "ยอมหักไม่ยอมงอ"

     ตามความหมายที่ราชบัณฑิตยสถานให้ไว้
ความหมายของศักดิ์ศรีนั้น สั้นมาก โดยศักดิ์
ศรีนั่น หมายถึง เกียรติศักดิ์ เช่นประพฤติตน
ไม่สมศักดิ์ศรี.

     ที่การให้ความหมายของคำว่าศักดิ์ศรีนั้น
มันสั้นๆเพียงเท่านี้ อาจเป็นเพราะว่า มันเป็น
เพียงสิ่งที่ผู้คนกล่าวอ้าง เพราะคิดว่ามันเป็น
สิ่งที่ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์พึงจะมี อย่างน้อยๆมัน
ก็ทำให้หลายๆคนสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้
แม้นว่าจะต้องกัดก้อนเกลือกิน และสามารถ
ทำให้พระเอกนางเอกในบทละครบางเรื่อง
สามารถใช้ชีวิตที่ลำเค็ญไปด้วยกันได้ แม้ว่า
พระเอกจะถูกตัดขาดจากมรดกเจ้าคุณพ่อ
เพราะมาแต่งงานกับนางเอกก็ตาม

     แต่ในความเป็นจริงนั้น "ศักดิ์ศรี" เป็นนาม
ธรรมที่ผู้คนกล่าวอ้างถึงเท่านั้น ทุกคนเกิดมา
บนโลกใบนี้ มีคุณค่าเท่ากันหมด เพราะเรา
ต่างก็เป็นที่หนึ่งจากการแหวกว่ายในสายธาร
แห่งธรรมชาติเข้าไปพบที่พักพิงเพื่อสร้าง
สรรค์ตัวเราขึ้นมาบนโลกใบนี้ 

     คณค่านั้นคือคุณค่าของความเป็นมนุษย์
ยืนด้วยสองเท้าที่เหมือนกัน มีลักษณะทาง
สรีระที่คล้ายๆกัน ไม่มีความแตกต่างในด้าน
คุณค่า แล้วศักดิศรีมาจากไหน?
   
     ศักดิ์ศรีก็มาจากการอุปโหลก การที่คนเรา
พยายามบอก กับตนเองว่า ตนนั้นมีสิ่งหนึ่งที่
ผู้คนต้องยอมรับ ตนนั้นเป็นผู้มีเกียรติ ใครก็
จะมาดูหมิ่นไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เราดูดี
สามารถเชิดหน้าอยู่ได้ในวงสังคม

      มาลองดูตัวอย่างนี้กัน นาย ก ทำงานใน
บริษัทแห่งหนึ่งตำแหน่งของเขาคือหัวหน้า
แผนก เขาทำงานของเขาอย่างดีตลอดมา
คนในบริษัทเห็นความสามารถของเขา มัน
สร้างความภาคภูมิใจให้กับนาย ก อย่างมาก

     แต่วันดีคืนดี ผู้บริหารสั่งย้าย นาย ก มา
เป็นหัวหน้าแผนกจัดซื้อ มันเป็นแผนกที่ไร้
ความหมายที่สุดในสายตาของคนในบริษัท
รวมถึงตัวนาย ก เองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

     ถ้าสิ่งที่นาย ก คิดในเวลานั้นคือ ศักดิ์ศรี
ของเขามันพังยับเยิน เขาอาย ไม่อยากเจอ
หน้าผู้คน นาย ก จะหงุดหงิดอารมณ์เสีย
ตลอดเวลา เขาอาจจะเริ่มเกลียดงานใหม่
ของตนเอง ความภาคภูมิใจที่เคยมีจะหายไป
และเมื่อนั้นเขาอาจจะรู้สึกว่า เขาเป็นคนที่ล้ม
เหลวและไร้ค่า

     ใครที่มาแสดงความเห็นใจ ไม่ว่าจะวิจารณ์
เข้าข้างเขาอย่างไร ก็อาจจะทำให้เขารู้สึก
เป็นปฏิปักษ์และเกลียดชัง เพราะเขาอาจจะ
ตีความว่าเป็นการเยาะเย้ยถึงความตกต่ำของ
เขามันเป็นการซ้ำเติมและเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
ของเขาจนรับไม่ได้

     ในเรื่องนี้ ด๊อคเตอร์ เดวิด เจ. ไลเบอร์แมน
ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขา (หนังสือ Make
Peace With Anyone ) ว่า ศักดิ์ศรี เป็นสิ่ง
เดียวในตัวเรา ที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดกับการ
วิจารณ์ ความจริงไม่เคยต้องการเกราะป้องกัน
มีเพียงศักดิ์ศรีเท่านั่นที่ต้องการเกราะป้องกัน
ไม่ให้โลกภายนอกมองเราไปในทางที่ไม่ดี

     ในทางกลับกัน นาย ก นั้นครั้งแรกอาจจะ
รู้สึกว่า ศักดิ์ศรีของเขามันพังยับเยิน แต่ในเมื่อ
เขาถูกย้ายงานมาอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว เขาต้อง
ทำใจให้ได้และยอมรับความจริงให้ได้ว่า งาน
ในตำแหน่งนี้เป็นของเขา

     หากไม่พอใจกับงานจริงๆเขาอาจจะลาออก
ไป แต่ถ้าเขาเห็นว่ามันยังเป็นงานอย่างหนึ่ง
แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าศักดิ์ศรีของเขาลดลง แต่
ในความเป็นจริง ใครๆก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขา
ต้อยต่ำลงไปได้ ถ้าเขาไม่อนุญาตให้คนอื่นทำ
เช่นนั้น

     หากว่านาย ก มีความนับถือตัวเองมากพอ
การที่ผู้บริหารย้ายเขาไปทำงานในแผนกที่
เขาคิดว่าด้อยค่านั้น  มันไม่ได้กระทบกระเทือน
ถึงความสามารถที่เขามีอยู่แล้ว และไม่ว่า
จะเป็นงานแบบไหนเขาก็จะทำมันให้ดีที่สุด 

     นาย ก ก็จะไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร
เขาจะไม่สะเทือนใจไปกับการแสดงความ
เห็นอกเห็นใจหรือการวิพากษ์วิจารณ์จาก
คนอื่นๆ "เขา"  ณ เวลานี้ เป็นอย่างนี้ เป็น
อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปเป็นอย่างอื่นได้

     หากเขาไม่มีความสุขในสิ่งที่เขาเป็นอยู่
ในเวลานี้ เขาจะดำรงตนอยู่ต่อไปอย่างไร?

     ถ้าพอใจในสิ่งที่มี ดีใจในสิ่งที่เป็น อยู่กับ
ความเป็นจริง ใครจะมองอย่างไร ไหนเลย
จะทำให้ศักดิ์ศรีของเราด้อยลงได้

                                         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น