วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

จากสามก๊ก


น่าแค้นใจนัก สวรรค์ช่วยมัน ไม่ข่วยข้า!

     เมื่ออ้วนเสี้ยวแตกทัพพ่ายโจโฉ ทั้ง
ที่มีไพร่พลถึงเจ็ดแสน มากกว่าโจโฉถึง
สิบเท่า (โจโฉมีกำลังพลเจ็ดหมื่น) แต่
อ้วนเสี้ยวก็ต้องพ่ายแพ้แก่โจโฉด้วยความ
เขลาและความประมาทของตนเอง

     เนื่องจากโจโฉเห็นว่าทำเลที่ตั้งทัพของ
อ้วนเสี้ยวนั้นหันไปทางทิศตะวันตก โจโฉ
ใช้แผนดึงความสนใจของอ้วนเสี้ยวให้
นั่งจิบน้ำชาฟังคำเยินยอ ขณะที่ส่งทัพไป
ตลบตีทัพหลังอ้วนเสี้ยวและรอตะวันคล้อย
ไปทางทิศตะวันตก ตะวันส่องแสงแรงกล้า
เข้าตาทหารของอ้วนเสี้ยวที่ยืนทัพรอแม่ทัพ
ใหญ่ไปนั่งจิบน้ำชากับศัตรู ขับพลเข้าโจมตี
อ้วนเสี้ยวแตกทัพยับเยิน

     ขณะที่อ้วนเสี้ยวที่กระเจิงหนีตาย ตัดพ้อ
สวรรค์อย่างเคียดแค้นว่า "น่าแค้นใจจริงๆ
สวรรค์ช่วยมันแต่ไม่ช่วยข้า" ก่อนจะหนี
กระเจิงออกจากเมืองพ่ายแพ้แก่โจโฉอย่าง
หมดรูป

     และด้วยถ้อยคำท้ายนี้เช่นกันที่อ้วนเสี้ยว
เมื่อพูดจบก็ถึงแก่กาลเวลาของตนด้วยการ
กระอักเลือดตายในที่สุด

     อ้วนเสี้ยวเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเรื่องสาม
ก๊กนั้น เป็นคนที่โลเล หูเบา ชอบคนที่มาประจบ
สอพลอ แต่นั่นไม่เท่ากับความเขลาทึบและ
ไม่รู้จักยุทธวิธีการรบ(ไม่มีความรู้ด้านพิชัย
สงคราม) และยังประมาทศัตรูว่ามีกำลังน้อย
ทำให้เสียกลศึก

     อ้วนเสี้ยวกล้าตัดพ้อสวรรคอย่างคับแค้น
โดยที่ไม่มองตนเองว่าความวิบัติที่เกิดขึ้นนั้น
ส่วนหนึ่งมาจากการกระทำของตนเองด้วย
เช่นกัน

     ภาษิตจีนมีคำกล่าวว่า "สามสิบลิขิตฟ้า
เจ็ดสิบต้องลงมือทำ" 

     คำกล่าวนี้ก็บ่งบอกอยู่ว่า ทุกสิ่งที่คนเราทำ
ไม่ว่าจะประสบ
ผลเช่นไร นั่นเกิดจากการกระทำของพวกเขา
เอง ไม่ได้เกิดจากลิขิตของสวรรค์ 

     การอ้างถึงสิ่งอื่นว่ามีอิทธิพลกับผลการ
กระทำนั้น ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะ
หนีพ้นจากการรับผิดชอบในสิ่งที่เกิด
ขึ้นได้

      มีผู้รู้เคยกล่าวไว้ว่า "การใช้ชีวิตมีทาง
เดียวเท่านั้นคือ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเรา
เราเป็นผู้เลือกให้มันเกิดขึ้นกับเราเอง" 

     เหตุการณ์แบบที่เกิดกับอ้วนเสี้ยว เกิด
ขึ้นได้กับทุกคนและทุกสังคม มันเป็นเรื่อง
ปกติอย่างยิ่ง

     ในห้วงหนึ่งของชีวิตอาจมีหลาย เหตุการณ์
ที่คนเราจะไม่ยอมรับความจริงและไม่กล้า
เข้าไปรับผิดชอบผลของมัน โดยจะมีการ
กล่าวอ้างถึงสิ่งรอบกายที่คิดว่ามันควรจะ
มีอิทธิพลที่ทำให้เกิดผลนั้นๆ

     การยอมรับความจริง แม้ว่าจะทำให้เจ็บ
ปวด แต่เมื่อมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ใครก็
เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ การไม่ยอมรับกับ
ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และการพยายาม
หนีจากความจริงที่เกิดขึ้นแล้วนั้น มันจะ
ทำให้เราดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างไร

     การพยายามปลอบใจตนเองด้วยการ
กล่าวโทษสิ่งภายนอกและไม่ยอมรับกับ
ความเป็นจริงนั้น เป็นการหลีกเลี่ยงการ
เผชิญหน้ากับปัญหาที่ค้างคาอยู่ และ
ปัญหานี้มันจะตามหลอกหลอนสร้างความ
เจ็บปวดให้กับผู้เป็นเจ้าของ ทุกครั้งที่นึกถึง

     มันจะเป็นเหมือนภาพยนต์เรื่องสั้นๆที่
ตนเองจะเป็นตัวเอกที่น่าเวทนา มันจะฉาย
ซ้ำไปซ้ำมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในใจของ
พวกเขาเอง และมันจะสร้างความเจ็บปวด
ที่มากขึ้นทุกครั้งที่นึกถึง

     คนเรามักเป็นเช่นนี้เอง ถ้าเขาไม่ยอมตัด
ใจหันกลับมาเผชิญหน้ากับปัญหา ยอมรับ
ในสิ่งที่เกิดขึ้นและถือมันเป็นบทเรียนที่
หากว่าต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นั้นๆ
หรือเหตุการณ์ที่คล้ายๆกัน เราจะแก้ไข
ปัญหาได้อย่างไร 

     เหมือนดังเช่นอ้วนเสี้ยวที่แตกทัพและ
หลงกลโจโฉครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความไ
ม่รู้จักนำอดีตมาเป็นบทเรียน ในการแก้ไข
กลศึก การไม่ยอมรับว่าตนเองต้องทำการ
ปรับเปลี่ยนกลยุทธคิดแต่จะอาศัยพวก
มากเพียงอย่างเดียวทำให้อ้วนเสี้ยวพา
ชีวิตของคนเจ็ดแสนถึงกาลวิบัติไปพร้อมๆ
กัน

     ทำให้อ้วนเสี้ยวต้องพ่ายแพ้ให้กับโจโฉ
อย่างยับเยินทั้งที่มีกองทัพอันเกรียงไกร
แต่การไม่ยอมรับความจริงที่ว่า ตนนั้น
เขลากว่าและแพ้กลของโจโฉไปแล้ว และ
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองพ่ายแพ้อย่าง
ยับเยินจริงๆ

     อ้วนเสี้ยวกลับไม่กล้ายอมรับความจริง
และมันก็ทำให้ให้อ้วนเสี้ยวคิดเคียดแค้น
แน่นอกจนทนไม่ไหว ต้องกระอักเลือดและ
จบชีวิตลง หลังจากเอ่ยคำตัดพ้อสวรรค์
อย่างคนไม่ยอมรับความจริง
เป็นคำสุดท้ายว่า สวรรค์ช่วยโจโฉ ไม่ช่วยข้าฯ

     "สวรรค์นั้นจะช่วยผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองเท่านั้น"        
                                                 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น