วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2560

จบงาน ถอดหัวโขน ลาโรง


จบงาน ถอดหัวโขน ลาโรง

     "งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา" ประโยคที่สะท้อน
ถึงความเป็นจริงหลายๆอย่างของชีวิต มันหมาย
ถึงการสิ้นสุดบางอย่างเพื่อเริ่มต้นใหม่ในบางอย่าง 
     หรือสิ้นสุดบางอย่างเพื่อที่จะได้สิ้นสุดตามมัน
ไปด้วย 

     งานเลี้ยงใดๆจะไม่สามารถมีไปได้ตลอดเวลา 
เพราะคนในงานเมื่อสนุกสนานระยะหนึ่งแล้วก็อาจ
จะอยากกลับบ้าน หรืออาจจะอยากไปสนุกที่อื่น
ต่ออีก

     เหมือนชีวิตการทำงานของหลายๆคนที่ช่วง
การใช้ชีวิตในการทำงานคล้ายกับอยู่ในงานเลี้ยง
ที่เปี่ยมไปด้วยสีสรรและความสนุกสนาน 

     แน่นอนว่า มันย่อมสิ้นสุดลงเหมือนงานเลี้ยง
นั่นแหละ เพราะมันเป็นข้อจำกัดที่สังคมกำหนด
ขึ้นมาว่า คนเราจะทำงานกันแค่อายุเท่านี้เท่านั้น 
หลังจากนั้นพวกเขาต้องให้คนอื่นมาทำ

     สังคมบอกว่า วัยของพวกเขาไม่ใช่วัยที่ต้อง
มานั่งทำงานอีกต่อไป  สังคมจะเมตตาพวกเขา
ด้วยการให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตในวัยหลังทำงานนี้
ด้วยการนั่งชมนกชมไม้ไปวันๆอย่างมีความสุข 
ปล่อยหัวสมองให้โล่งราวกับคนไร้ความคิด แล้ว
จากนั้นพวกเขาจะได้ไม่ต้องคิดอะไรที่ยุ่งยาก
อีกต่อไป 

     นั่นเป็นความเชื่อที่
คนเราถูกยัดเยียดให้
คิดแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่
ทุกคนที่จะคิดแบบนั้น
เพราะว่า ก็ยังมีคนที่เลิก
จากงานเลี้ยงนี้แล้วยัง
ไปต่องานเลี้ยงอื่นๆได้อีก 

     พวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆอย่างไร?

     มีฐานะดีกว่าหรือ  มีโอกาสมากกว่าหรือ 
หรือว่าก่อนลาโรงพวกเขาสวมหัวโขนที่เป็น
ตัวสำคัญ?

     สิ่งเหล่านี้เหมือนจะเป็นข้ออ้างที่หยุดความ
สามารถของพวกเขาบางคนไว้ว่าหลังจากต้อง
เกษียณจากการทำงาน ถอดหัวโขนคืนไว้หลัง
เวที แล้วเดินจากเวทีแห่งนั้นไป 

     พวกเขาต้องพักผ่อน! ชีวิตถึงเวลาพัก!

     แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าข้อกำหนดของสังคมคือ  

     "พวกเขาคิดอย่างไรกับตัวเอง"

    คนที่ทำงานครบตามที่สังคมกำหนด  บางคน
อาจจะมีความคิดเหมือนที่สังคมบอก คือ พอกัน
ทีเหนื่อยมามากแล้วกับการทำงาน อยากจะนอน
เฉยๆอยู่กับบ้าน

     บางคนอาจไม่คิดเช่นนั้น พวกเขายังคงทำ
บางสิ่งบางอย่าง แม้จะไม่ใช่งานที่ทำประจำ 
และแน่นอน สิ่งที่เขาทำมันอาจจะทำให้เขา
สามารถขึ้นไปโลดแล่นบนเวทีอีกครั้ง 

    คนละเวที แต่ก็ยังโดดเด่น ภาคภูมิใจในความ
สามารถอันไร้ขีดจำกัดของตัวเอง

     เขายังคงสามารถที่จะทำงานได้ต่อไปอย่าง
แน่นอน

     "เขาตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยตัวเองให้ว่าง" 

     เขาไม่ยอมที่จะเป็นดอกไม้ไร้ดิน บำรุง
ปล่อยตัวเองจนห่อเหี่ยวคากิ่งของมันและ
ร่วงหล่นลงดินในที่สุด

     ในช่วงปลายเดือนกันยายนของทุกปี ก็จะ
เป็นช่วงสิ้นสุดของงานเลี้ยงของใครบางคน 
เพราะบางสิ่งบางอย่างที่บางคนมี บางคนเป็น 
ทำให้พวกเขามีชีวิตที่สุขสำราญราวกับอยู่ใน
งานเลี้ยง 

     สนุกสนานมีความสุข มีเรื่องกวนใจ มีความ
ครึกโครมในชีวิตแล้วกลับมาสงบสุขกับมัน มัน
สร้างสรรค์รสชาติที่เยี่ยมยอดในชีวิตของพวก
เขา 

     เมื่อถึงเวลาที่งานเลี่ยงต้องเลิก พวกเขาอาจ
ทนรับไม่ได้ถ้าขาดมันไปจากชีวิต

     แต่สำหรับบางคนที่บางสิ่งบางอย่างทำให้
ไม่พึงพอใจในระหว่างงานเลี้ยง พวกเขาก็อาจ
จะเริงร่าที่งานเลี้ยงนั้นเลิกราไปได้ พวกเขาเบื่อ
เต็มทนกับชีวิตแบบนั้น

     ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร แต่จะมีสิ่งหนึ่ง
ที่สำคัญซึ่งพวกเขาจะต้องทำเหมือนๆกัน คือ 
เมื่องานเลี้ยงจบลง ถอดหัวโขนออก และเดินลง
จากเวทีแล้ว นั่นก็คือ พวกเขาต้องตัดสินใจว่า 
เขาจะทำอย่างไรต่อไปกับตัวเองดี 

     อยากเป็นรถยนต์ที่ยังเร่งเครื่องเต็มกำลัง
หรือจะเป็นรถยนต์ที่จอดนิ่งสนิทให้ฝุ่นจับหนา
อยู่ในโรงรถรอวันถูกเข็นเข้าอู่และถูกถอดเป็น
ชิ้นๆเพื่อนำไปขายเชียงกง


     
     ชีวิตนี้เหมือนดั่งเป็นจินตนาการ และจินตนา
การย่อมไม่มีวันสิ้นสุด แม้ว่าบทบาทเด่นบนเวที
ในสังคมจะจบลง ความสามารถและคุณค่าของ
พวกเขา จะยังคงโดดเด่นเหมือนเมื่อครั้งยังอยู่
บนเวที 

     ยังมีเวทีอื่นๆอีกมากมายที่ต้องการตัวแสดง
เก๋าๆอย่างพวกเขา ที่จะเข้าไปรับบทบาทได้ 
แม้นจะไม่ใช่พระเอก นางเอก แต่ก็เป็นบทบาท
ที่สำคัญ "เป็นตัวเอก"  ที่ขาดไม่ได้ 

     "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวก
เขาเอง คนเราเป็นในสิ่งที่ตัวเองคิด"

     ในวัยลาโรง พวกเขากลายเป็นบุคคลที่ทรง
คุณค่า  เต็มเปี่ยมด้วยประสบการณ์ และแน่นอน
ที่สุดว่า พวกเขาทุกคนล้วนยอดเยี่ยม!!!

     "วัยเกษียณ คือวัยแห่งความรุ่งโรจน์อย่าง
แท้จริงของพวกเขา 
     พวกเขาจะได้ทำในสิ่งที่อยากทำแต่ไม่เคย
ได้ทำ"

     นั่น...มันสุดยอดอย่างมาก !!!   
                                    


#อายุเป็นเพียงตัวเลข #ไม่ใช่ข้อจำกัดความสามารถ
#เราเป็นอย่างที่เราคิด #ความสุขกระชากวัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น