วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เรื่องสบู่ สบู่


เรื่องสบู่ สบู่
         
            สบู่ก็เหมือนๆกันหมดจริงหรือ?

          สบู่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดร่างกาย จากเอกสารที่บันทึกถึง

กำเนิดของสบู่ สบู่ก้อนแรกนั้นว่ากันว่า มาจากไขมันแพะต้มกับขี้เถ้า โดยในยุคต่อๆมา

สบู่ก็มีการพัฒนาการโดยมีการทำสบู่เป็นอุตสาหกรรม โดยโรงงานทำสบู่แรกๆนั้นเกิดขึ้น

ในยุโรป การทำสบู่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ โดยมีการทำสบู่ในรูปลักษณ์ต่างๆกัน

รวมตลอดถึงการพัฒนาคุณภาพให้สบู่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป โดยการนำส่วนผสม

ที่มีประโยชน์ประกอบในก้อนสบู่
         
            หลักการพื้นฐานของสบู่ เกิดจากการทำปฎิกิริยาระหว่างสารละลายกับน้ำมัน อาจ

จะเป็นน้ำมันพืชหรือน้ำมันสัตว์และกลีเซอรีนสำหรับทำความสะอาด ขจัดความสกปรก แต่

ข้อเสียคือ แม้ว่าสบู่โดยทั่วๆไปจะสามารถล้างความมันได้ดีมากก็ตาม  แต่ก็ยังเข้าไป

ทำลายไขมันที่คุ้มกันผิวออกไปด้วย จึงทำให้ผิวแห้งตึง นอกจากนี้ ฤทธิ์ความเป็นด่างของ

สบู่ (สบูู่่มีค่า  pH มากกว่า 7 ) ทำให้ค่า pH บนผิวของเราซึ่งปกติมีค่าประมาณ 5.5  ซึ่ง

มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ เปลี่ยนไป และยิ่งใช้สบู่เป็นเวลานานๆยิ่งอาจทำให้ผิวเกิดการระคาย

เคืองอักเสบ และส่งเสริมให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบนผิวหนังได้ ดังนั้น ใน

ปัจจุบันนี้ คนจึงหันมาใช้สารชำระล้างชนิดสังเคราะห์ซึ่งสามารถปรับค่า pH ให้ใกล้เคียง

กับค่า pH ของผิวหนังปกติ และทำให้เกิดความระคายเคืองผิวน้อยกว่าสบู่แบบเดิมๆ

สบู่ มีสามแบบดังนี้

            1. สบู่ก้อนทั่วไป จะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งใส่สีต่างๆ และมีรูปลักษณะจากบล๊อค

มีปริมาตรที่แตกต่างกันน้อยมาก พูดง่ายๆก็คือ เป็นสบู่ที่ผลิตจากโรงงาน สบู่ลักษณะนี้เป็น

สบู่ที่ทำมาจากเกล็ดสบู่ หรือที่เรียกกันว่า Soap Noodle หรือ Soap Chip นำมาเติมสาร

บำรุงผิว ซึ่งมักเป็นสารเคมี และน้ำหอม ลักษณะของเนื้อสบู่ที่ได้จะมีความแข็ง สามารถ

นำมาปั๊มขึ้นรูปได้ จึงมักมีรูปก้อนสบู่ที่สวยงาม

            2. สบู่ก้อนแบบใส เป็นสบู่ที่ผลิตด้วยกลีเซอรีนผสมกับสารเติมแต่งเช่นสมุนไพร

หรือกลิ่นต่างๆ เนื้อสบู่จะอ่อนนิ่มกว่า และให้ฟองน้อยกว่า

            3. สบู่เหลว เป็นสบู่ที่ผสมน้ำและสีต่างๆกับสารเติมแต่งต่างๆ สบู่เหลวนี้จะใช้เกล็ด

สบู่แบบที่ใช้ทำสบู่ก้อนแข็งมาทำการผลิต แต่ใช้ด่างที่เข้มข้นกว่าสบู่แบบก้อนแข็ง

            สำหรับเกล็ดสบู่ซึ่งเราทราบกันแล้วว่าเกิดจากไขมันพืชและโซเดียมไฮดรอกไซด์

ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง ความแตกต่างของสบู่ที่ทำจากเกล็ดสบู่และสบู่ที่ทำจากกลีเซอรีน คือ

สบู่ที่ทำจากเกล็ดสบู่จะไม่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเหมือน        
กลีเซอรีนใส

สบู่ที่ทำจากกลีเซอรีนซึ่ง ที่ผลิตจากการทำปฏิกริยากัน

ระหว่างน้ำมันกับสารละสายด่าง  ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิด

กลีเซอรีนธรรมชาติอยู่ในตัวสบู่ และกลีเซอรีนนี้เองที่

เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และยังสามารถเติมสาร


ธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าในการบำรุงผิวเพิ่มมากขึ้นได้ตามต้องการ  สบู่กลีเซอรีน

เป็นสบู่ที่มีกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบสำคัญ และไขมันจากพืช มีทั้งชนิดใสและขาวขุ่น มี

คุณสมบัติ คือ กลีเซอรีนเป็นส่วนช่วยหล่อลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อปกป้องผิวไม่

ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อน

โยนต่อผิว ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขน

                                                              สำหรับเกล็ดสบู่ซึ่งเราทราบกันแล้วว่าเกิดจาก
โซดาไฟ

      ไขมันพืชหรือไขมันสัตว์และโซเดียมไฮดรอกไซด์

      ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง  สำหรับด่างที่ใช้ทำสบู่นั้น

       มี 2 ชนิด คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือโซดาไฟ

       (Sodium hydroxide) ใช้สำหรับทำสบู่ก้อน  และ

โปแตสเซียมไฮดรอกไซด์(Potassium hydroxide) ใช้สำหรับทำสบู่เหลว  สำหรับ

โซดาไฟ ที่ใช้เป็นด่างในการทำสบู่นั้น  ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวแต่ผู้ผลิตบาง

รายอาจทำเป็นเม็ดหรือเป็นผงก็ได้ เมื่อเทสารละลายโซดาไฟลงในน้ำมันหรือไขมัน จะ

เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า สะปอนนิฟิเคชัน (Saponification) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส

ไขมันและน้ำมันด้วยเบส เกิดเกลือของไขมัน (สบู่) กับกลีเซอรอล   ซึ่งหลังการทำ

ปฏิกิริยาเสร็จจะไม่มีโซดาไฟหลงเหลืออยู่ในผลิตภัณฑ์สบู่  แต่การใช้โซดาไฟ

โซเดียมไฮดรอกไซด์ หรือ โปแตสเซียม ไฮดรอกไซด์ ซึ่งเป็นสารเคมี  อาจส่งผล

ให้ผิวแห้งตึงเมื่อใช้เป็นระยะเวลานานดังที่กล่าวมาแล้ว

            ลักษณะของสบู่ที่ดีนั้น จะต้องทำความสะอาดได้ดี มีฟองในระดับที่เหมาะสม

มีค่าความเป็นด่างน้อยในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหรือทำลายชั้นไขมันของผิว ไม่มี

กลิ่นหืน  มีกลิ่นหอมที่น่าใช้
         
            การใช้สบู่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำความสะอาด แต่ ในสภาพปัจจุบันการดูแล

ผิวเป็นเรื่องที่จำเป็นยิ่งกว่าการใช้สบู่อะไรก็ได้ ในเมื่อมีการพัฒนาผลิตสบู่ออกมามายมาย

หลายชนิด แล้ววันนี้คุณจะเลือกใช้สบู่อะไร?
       
                                                                        S.Th

ข้อมูลบางส่วนจาก วิกิพีเดีย

🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇🐇


วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ช้ำใจต้องกินใบบัวบก

          

"อกหักช้ำใจต้องไปกินใบบัวบกแก้ช้ำ"
        
            การเล่นคำที่น่ารักแต่สร้างความเจ็บร้าวให้กับผู้ฟังที่กำลังอยู่ในสภาวะ "อกหัก

รักคุด"  จนอาจจะหันไปหาใบบัวบกมากินแก้ช้ำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดหัวใจจริงๆ

แล้วเหตุใดจึงมีการเปรียบเทียบว่าอกหักช้ำใจต้องไปกินใบบัวบกแก้ช้ำ เรื่องนี้แสดงถึง

ภูมิปัญญาคนไทยที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย โดยเป็นที่รู้กันทั่วว่าใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณ

วิเศษอย่างหนึ่งคือแก้ช้ำในได้ ดังนั้น เมื่อคนอกหักต้องเจ็บช้ำจึงเกิดการเล่นคำใช้สำนวน

เปรียบเทียบว่าเมื่อช้ำใจก็ให้ไปกินใบบัวบก  ทั้งที่ภาวะการอกหักเป็นภาวะทางจิตใจซึ่ง

ต้องใช้เวลาและการเปลี่ยนแนวคิดของบุคคลผู้อกหักนั้นเองที่จะดึงตัวเองออกมาจาก

ความเจ็บช้ำได้ แต่ถึงจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างการช้ำใจกับใบบัวบก สรรพคุณ

ของใบบัวบกอีกอย่างหนึ่งในหลายๆอย่างของใบบัวบกคือสามารถช่วยลดความกระวน

กระวายใจและช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลายลงได้ ด้วยสรรพคุณวิเศษนี้จึงน่าสามารถ

ที่จะทำให้คนที่กำลีงเจ็บปวดใจจนนอนไม่หลับกระสับกระส่ายสามารถนอนหลับได้ง่าย

ขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานใบบัวบกเป็นประจำก่อนนอน ก็จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

ได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยทีเดียว

   
                ใบบัวบกเป็นสมุนไพรที่คนจีนที่นำมาใช้กันตั้งแต่โบร่ำ

          โบราณ โดยนำมาต้มดื่มน้ำช่วยแก้อาการช้ำใน ในศรีลังกา

         ใช้ใบบัวบกใส่ในข้าวต้ม โดยต้มข้าวกับน้ำซุปผักจนสุกนุ่ม

          ใส่กะทิ ปรุงรสด้วยเกลือ ยกลงแล้วจึงใส่ใบบัวบก ใน


ประเทศไทยใช้เป็นผักแนม กินกับผัดไทย ผัดหมี่ หมี่กะทิ ขนมจีน ทำลาบ

ทำยำใบบัวบกและในวิถีของแพทย์ทางเลือก ใบบัวบกถือเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น

สามารถนำมาคั้นน้ำดื่มเพื่อปรับสมดุลย์ในร่างกายเนื่องจากการกินอาหารที่มีรส

เผ็ดร้อน เค็มมันทำให้ภายในร่างกายมีฤทธิ์ร้อนมากเกินไป จนเกิดความเสื่อมและ

เกิดโรคภัยที่มากับฤทธิ์ร้อนเกินไปเช่นความดันโลหิตสูง ฝี หนอง สิวฝ้า โรคหัวใจ

และโรคอื่นๆอีกมากมาย

            ใบบัวบกมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Gotu kola หรือ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Centella

asiatica สรรพคุณของใบบัวบกนั้นเรียกได้ว่ามีรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านสุขภาพ

และความงาม เรียกได้ว่า ใบบัวบกเป็นสมุนไพรที่เลอค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้

ที่ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันกลับไปหาสิ่งที่เป้นธรรมชาติมากกว่าการใช้สารเคมี ทั้งในเรื่อง

การดูแลสุขภาพและเรื่องของความงาม เรามาดูกันว่า ใบบัวบกที่แสนเลอค่าของเรามี

สรรพคุณอะไรกันบ้าง
         
            1. ใบบัวบกสามารถแก้ปัญหาเส้นเลือดขอด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น

ลดอาการบวมและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น ด้วยวิธีรับประทาน

            2. สมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางชนิด เพราะใบบัวบกมีสารสำคัญตัวหนึ่ง

คือ สารไตรเตอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการศึกษากับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วย

สมานบาดแผลได้ เนื่องจากสารดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับ

บาดแผล และช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณบาดแผลมากขึ้น ส่งผลให้บาด

แผลค่อย ๆ หายดีขึ้นในระยะเวลาที่น้อยลง ทั้งสารจากใบบัวบก ยังสามารถช่วยป้องกัน

การเกิดแผลเป็นได้อีกด้วย พบว่า ในปัจจุบันมีการผลิตครีมรักษาบาดแผลเป็นจำนวนมาก

ที่ผสมด้วยสารสกัดจากใบบัวบก

            3. ช่วยระบายความร้อน ในร่างกายได้  ช่วยขับพิษร้อน และช่วยสลายความชื้นใน

ร่างกายได้เป็นอย่างดี

             4. ลดความกระวนกระวายใจ ช่วยให้จิตใจสงบ เพราะว่าสารไตรเตอร์พีนอยด์

(Triterpenoids) นั้น นอกจากจะช่วยในการสมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางชนิด

ได้แล้วก็ยังมีฤทธิ์ในการลดความกระวนกระวายและช่วยกระตุ้นกลไกการทำงานของ

สมองได้อีกด้วย

            5. ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ  ใบบัวบกไม่เพียงแต่ช่วยลดความกระวน

กระวายเท่านั้น แต่ก็ยังช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนหลับได้

ง่ายขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานเป็นประจำก่อนนอน ก็จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นได้

อย่างน่าอัศจรรย์

            6. ลดความดันโลหิต   กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

ได้ออกมาแนะนำว่าใบบัวบกเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ช่วยลดความดันโลหิตได้ เพราะเจ้า

ใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น อีกทั้งยังช่วยลด

ภาวะความเครียดอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ทั้งนี้วิธีการรับประทานก็

ไม่ยาก เพียงแค่นำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักเล็กน้อย หรือ

ผสมกับน้ำผลไม้อื่น ๆ ก็ใช้ได้

            7. ลดอาการบวม   การรับประทานใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่

เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณบาดแผลได้ รวมทั้งยังลดอาการ

อักเสบที่ทำให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย

            8. บำรุงสมอง  ใบบัวบกเป็นพืชอีกชนิดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วย

ป้องกันสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง รวมทั้งช่วยคลายความอ่อนล้าของ

สมอง เพิ่มการทำงานของสมองและความจำ แถมยังสามารถลดภาวะซึมเศร้า และ

สามารถช่วยยับยั้งอาการของโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้

            9. รักษาอาการติดเชื้อ   ใบบัวบกี่สามารถช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมี

ประสิทธิภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งอาการติดเชื้อ

แบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้อีกมากมาย เรียกได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้ออะไรก็ตาม

ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ทั้งนี้ก็ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และภายใต้การ

ดูแลของผู้เชียวชาญ

            10. บรรเทาอาการอ่อนเพลีย   นอกจากรักษาอาการป่วยต่าง ๆ แล้ว ใบบัวบกยัง

สามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลียได้

            11. บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์  เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิงที่อยาก

จะมีและอยากจะเป็น  ในใบบัวบกมีสารที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน

ในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ และนอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระใน

ใบบัวบกก็ยังช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะถ้าคุณจะได้เห็นชื่อ

ของเจ้าใบบัวบกเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องประทินผิว ทั้งนี้ยังสามารถนำใบบัวบก

สด ๆ มาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย      

            เรามารู้วิธีพอกหน้าให้ผิวสวยใส ลบรอยตีนกา ด้วยใบบัวบกกันดีกว่า  วิธีทำ

           1. นำใบบัวบกสดมาล้างทำความสะอาด แล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
         
            2. นำมาปั่นหรือบดกับน้ำสะอาด 1 แก้ว
         
            3. นำมาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งเอาไว้

ประมาณ 15 นาที
         
             4. ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำทุกวันก่อนนอนจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อน

กว่าวัย

            12. กำจัดเซลลูไลท์   สำหรับสาว ๆ ที่หนักใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความงาม

อยู่ เพียงการรับประทานใบบัวบกเป็นประจำก็จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออก

มาจากร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมทั้งช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น และลดการ

อักเสบอันเกิดจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วย

            13. บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ  ใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียน

เลือดบริเวณหนังศีรษะ และยังช่วยบำรุงให้รากผมแข็งแรงป้องกันผมร่วงทำให้ผมที่ขึ้น

ใหม่มีความแข็งแรงและดกดำเงางามได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแต่อย่างใด

            สรรพคุณอันมากมายเลอค่าของใบบัวบกนี้    

ทำให้เกิดการผลิตเครื่องสำอางค์หลายชนิดที่มีการ

นำสารสกัดจากใบบัวบกมาเป็นส่วนประกอบ  สมุนไพร

จากธรรมชาติที่อุดมด้วยคุณประโยชน์นี้ ยังสามารถนำ


มาใช้กำหราบสิ่งที่ทำให้หลายๆคนทั้งคนหนุ่มและคนสาวเป็นกังวล

 คือภาวะของสิว  ฝ้าจุดด่างดำบนใบหน้า รวมถึงผู้ที่มีอายุที่มากขึ้นและกำลังประสบ

ปัญหาความเครียดไกลเคชั่น ที่เป็นตัวทำให้เกิดอนุมูลอิสระสร้างริ้วรอยแก่กว่าวัยให้

ปรากฎบนใบหน้า และรอยตีนกา  ในใบบัวบกนั้นมีสารไกลโคไซด์ที่ช่วยในการรักษาสิว

สามารถต้านพวกเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเป็นหนองขึ้นในเวลา เกิดเป็น

สิวหัวหนอง ซึ่งเวลาเป็นสิวหัวหนอง ให้เอาใบบัวบกมาแต้มที่สิว จะช่วยลดหนองได้เป็น

อย่างดี  ที่สำคัญสามารถช่วยผิวฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจน อิลาสติน ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ถูก

ทำลายเวลาที่เกิดจากรอยแผลสิวหรือริ้วรอยของวัย ให้เพิ่มมากขึ้นมาทดแทนชั้นผิวที่ถูก

ทำลายไปได้

            มารู้วิธีการใช้ใบบัวบก เพื่อการรักษาสิวกัน เราสามารถใช้ได้ทั้งกิน และทาควบคู่

กันไปให้นำใบบัวบกประมาณ 3-5 ต้นมา แช่น้ำทิ้งเพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดมากับใบบัวบก

หลุดออกล้างด้วยน้ำให้สะอาดอีกครั้ง นำมาตำหรือจะปั่นผสมน้ำลงไปเล็กน้อย จากนั้นก็

นำใบบัวบก ที่ได้จากการปั่นมาพอกหน้าทิ้งไว้ แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
   
            ใบบัวบก เป็นสมุนไพร ที่เป็นอีกหนึ่งในวิธีของการรักษาสิวแบบธรรมชาติ ที่ไม่

เป็นอันตราย และยังปลอดภัยอีกด้วย  ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า "อกหักช้ำรักให้กินใบบัวบก

แก้ช้ำ" อาจไม่ใช่การเล่นคำธรรมดา ที่เพียงเปรียบเปรยแต่อย่างใด ก็ในเมื่อคุณประโยชน์

เลอค่ามากมายของใบบัวบกนี้มีมากมายถึงเพียงนี้  การใช้ใบบัวบกรักษาอาการช้ำใจจาก

อกหักรักคุด ก็อาจมีทางเป็นไปได้เหมือนกันก็ได้ ใครจะรู้😀😀😀

                                                                                         S.Th

ข้อมูลจาก - ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย(Herb) เพื่อสุขภาพคุณ bookmuey.com
                  - สรรพคุณใบบัวบก   health.kapook.com
                  - วิกิพีเดีย






วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รู้จัก AGEs









รู้จักกับ AGEs
       AGEs หรือ เอจ  เป็นคำที่สาวๆ ทั้งเกลียดและกลัวหลายคนจินตนาการถึงใบหน้า
ที่มีรอยย่นหรือมีรอยตีนกาเกลื่อนอยู่บนใบหน้า หรือนึกถึงใบหน้าที่ยับย่น  ผิวหน้าที่
เหี่ยวย่น สารพัดที่จะนึกถึงจนสร้างความหวาดสยองให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของใบหน้า
ถึงกับต้องสรรหาสารพัดเครื่องสำอางค์ที่มีการโฆษณาถึงคุณสมบัติในการที่ใช้แล้ว
สามารถจะ  Anti - aging คือการชลอวัย หรือต่อต้านความแก่นั่นเอง
          AGEs เป็นผลิตผลที่สืบเนื่องมาจากภาวะเครียด ไกลเคชั่น (Glycation stress)
 กระบวนการไกลเคชั่นนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียดออกซิเดชัน
ซึ่งก็คือภาวะที่มีอนุมูลอิสระมากเกินแต่ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับไม่เพียงพอ
และส่งผลให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอ โปรตีน ไขมัน และโมเลกุลอื่นๆ ซึ่งหากภาวะเครียด
ออกซิเดชั่นนี้เกิดขึ้นกับเราอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ตัวเราเกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ
ตั้งแต่โรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน โรคทางระบบประสาท  ภาวะเสื่อมสภาพ
และ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือการ แก่ก่อนวัย  แต่ผลกระทบที่มีต่อการแก่ชราจะเห็นได้ชัดเจนมาก
ในสภาวะของคนที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะไกลเคชั่นจะถูกกระตุ้นเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ดังนั้นในความเป็นจริงผู้ป่วยเบาหวานอาจจะมีโรคภัยที่เกี่ยวข้องกับการแก่ชราหรือการสร้างเส้นเลือดใหม่ต่างๆ มากมายเกิดขึ้นร่วมด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เส้นเลือดต่างๆ ถูกเร่งให้
แก่ตัวลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
           ดังนั้น การใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวันของคนเรา เช่น    
การรับประทานอาหารที่เป็นทุพโภชนาการ (malnutrition :
เป็นภาวะซึ่งเกิดขึ้นจากการรับประทาน อาหารไม่สมดุลกันโดย
ยอาจมีสารอาหารบางอย่างได้รับไม่เพียงพอ เกิน หรือผิดสัดส่วน) การออกกำลังกายน้อยเกินไป (ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสาม
วันในหนึ่งสัปดาห์และออกกำลังพอให้หัวใจได้เต้นแรงขึ้น
ไม่ใช่การออกกำลังกายอย่างหักโหม) การใช้ชีวิตประจำวัน
ของคนเราเองที่อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียดไกลเคชั่นขึ้นมาได้
       
 ไกลเคชั่นเป็นปฎิกิริยาระหว่างโปรตีนกับน้ำตาลที่อยู่ในร่างกาย ทำให้น้ำตาลเข้าไปจับกับคอลลาเจนและโปรตีนอิลาสตินในผิวหนัง ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวหนังของผู้สูงอายุหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "ริ้วรอยแห่งวัย" ทำให้ผิวหมองไม่น่าดึงดูด และปฎิกิริยานี้ยังไปทำลายสมดุลย์การเกิดใหม่ของเซลล์ที่สร้างเส้นใย (Fibroblast cell) ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยตามมา
          AGEs  เป็นคำย่อของ Advanced Glycation End Products ซึ่งเป็นผลผลิตปลายทางของกระบวนการไกลเคชั่น ในงานวิจัยล่าสุด พบว่า AGEs  เป็นสารต้นเหตุที่ทำให้ความแก่ชราคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว  AGEs เป็นตัวการที่ทำให้ผิวในชั้นหนังแท้กลายเป็นสีเหลืองนอกเหนือจาก
การรับรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่มากเกินไปอีกด้วย  ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ภาวะริ้วรอยแห่งวัย จะเกิดช้าหรือเร็วนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนผู้นั้นไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์หรือการดูแลให้ความสนใจตนเองมากหรือน้อยเพียงใด ท่ามกลางภาวะทุพโภชนาของผู้คนและสภาพชั้นบรรยากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงทำให้รังสียูวีแผดกล้ากว่าเดิม นั่นหมายถึงการจะหลีกเลี่ยงจาก AGEs จึง่มี
ความยากที่จะเป็นไปได้  ดังนั้น จึงได้มีการคิดค้นวิจัย การชลอวัย ออกมาเป็นจำนวนมากมายหลายวิธี ทั้งการปฏิบัติตนเพื่อต้านภาวะเครียดไกลเคชั่นอันเป็นการป้องกันการเกิด AGEs ตลอดจคิดค้นหาวิธีเพื่อให้ผิวหนังได้รับการฟื้นฟูจากการเสื่อมสลายของเซลล์ผิวหนัง โดยการนำสมุนไพรต่างๆเข้ามาประกอบในเครื่องสำอางค์เพื่อช่วยฟื้นฟู และป้องกันผิวที่ถูกทำลายไป ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงจากภาวะ แก่ก่อนวัย เราจึงจำเป็นต้องมีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ  ให้ความระมัดระวังในเรื่องอาหารที่เรารับประทาน และดูแลเอาใจใส่ต่อสุขภาพ เพื่อลดภาวะเครียดไกลเคชั่นอันจะนำมาซึ่งผลของการ "ชราก่อนวัยอันควร" และชลอวัยอย่างได้ผล

ข้อมูลจาก
art.kmutt.ac.th : การเลือกรับประทานอาหาร
gesundheit.co.nz : การชลอวัย                  
aoteapacific.co.nz : แอนตี้ ไกลเคชั่น  

                       







                                                                                                                                                                                                                                                                                S.Th
🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏🐏
   
     
            จากการศึกษาทางคลีนิคและในห้องปฎิบัติการค้นพบว่า
สารสกัดจาก  ดอกซากุระ   หนึ่งในดอกไม้ที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั้น มีประสิทธิภาพในการยับยั้งกระบวนการไกลเคชั่น และยังมีความปลอดภัยที่จะนำมาใช้กับมนุษย์ด้วย โดยซากุระนั้น จะช่วยในการลดเลือนจุดด่างดำ ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวหนังจากสภาพที่เสื่อมโทรม หมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใส ทำให้ผิวพรรณตึงกระชับ พร้อมทั้งสามารถปกป้องผิวจากการเกิดริ้วรอยได้อย่างครบครัน