การดำรงชีวิตในวันหนึ่งๆของคนเรา
ต้องใช้พลังงานแตกต่างกันไป โดยสามารถ
หาได้จากการคำนวณค่าพลังงานพื้นฐาน
(ค่า BMR หรือค่า REE )
เปอร์เซ็นต์ของการใช้พลังงานพื้นฐาน
ของคนเราที่จะนำไปใช้ในการการเผาผลาญ
ให้เกิดพลังงานในร่างกาย แบ่งออกเป็น
65% ของพลังงานทั้งหมด ใช้ไปกับการ
ดำรงชีวิตไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การเต้นของ
หัวใจการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
25% ใช้ในการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของ
ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง รวมถึงการ
ออกกำลังกายซึ่งถ้าเราสามารถเพิ่มให้ร่าง
กายใช้พลังงานส่วนนี้มากกว่า 25% ได้
10% จะนำไปใช้ในการย่อย ดูดซึม
อาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
ค่าพลังงานพื้นฐานเป็นพลังงานที่ทุกคน
ใช้ในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน โดยการใช้
เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต สำหรับส่งให้อวัยวะภาย
ในสำคัญๆทำงานอยู่ตลอดเวลา เช่น หัวใจ
ปอด สมองระบบประสาทตับ ไต อวัยวะ
สืบพันธุ์ กล้ามเนื้อ และผิวหนัง การคิดค่า
พลังงานพื้นฐานนี้คำนวณจากอายุ ความสูง
และน้ำหนักของคนๆนั้น
เมื่อคนเรามีอายุที่มากขึ้นหรือมีมวล
กล้ามเนื้อลดลง ไม่ว่าจากสาเหตุใดๆ รวมทั้ง
สาเหตุจากการลดน้ำหนักด้วยวิธีอดอาหาร
ร่างกายจะใช้พลังงานส่วนนี้น้อยลง แต่หาก
เมื่อร่างกายมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นร่างกายก็จะ
ต้องการพลังงานพื้นฐานนี้เพิ่มขึ้นด้วย
(ข้อมูลจาก dietquickly.blogspot,com )
การที่ร่างกายสามารถมีพลังงานพื้นฐาน
ในการเผาผลาญเพิ่มนับเป็นสิ่งที่ดี แสดงว่า
ร่างกายสามารถที่จะทำการเผาผลาญได้
มากขึ้น นั่นหมายถึงส่วนเกินที่ร่างกาย
เผาผลาญไม่หมดก็จะน้อยลง แสดงว่าคน
ผู้นั้นจะไม่มีไขมันส่วนเกินสะสมที่มากเกิน
ไป
กรณีการลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร
หรือลดความอ้วนด้วยการใช้ยา นั้น ยาลด
ความอ้วนจะไปกดประสาททำให้เราไม่หิว
ไม่อยากกินอาหาร การไม่มีอาหารเข้าไป
ให้ร่างกายทำการย่อยก็จะทำให้ร่างกาย
คิดว่าเราเกิดภาวะขาดอาหาร
ดังนั้น ร่างกายจึงต้องป้องกันตนเองตาม
ธรรมชาติ โดยการสงวนพลังงานพื้นฐานไว้
โดยอัตโนมัติ เพื่อที่จะได้เอาไปใช้เป็นพลัง
งานในการดำรงชีวิต ร่างกายจึงลดการเผา
ผลาญให้น้อยลง
เป็นเหตุให้หลังจากอดอาหารได้ระยะ
หนึ่งเมื่อกลับไปกินอาหารตามปกติแล้ว
ร่างกายก็ยังคงสงวนพลังงานไว้และไม่
ทำการเผาผลาญอย่างเต็มที่ จึงเป็น ที่มา
ของการสะสมไขมันส่วนเกินมากขึ้นหลัง
การลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร
เป็นอาการที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟ็ค
นั่นเอง
การเผาผลาญเป็นวิธี
หนึ่งในการช่วยลดน้ำ
หนัก วิธีเพิ่มพลังการ
เผาผลาญอย่างง่ายๆ
และได้ผลในระยะยาวคือการออกกำลังกาย
เพราะนอกจากจะเพิ่มพลังงานในการเผา
ผลาญแล้ว เมื่อออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อ
ให้กับร่างกายได้ ความสามารถในการเผา
ผลาญก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
สิ่งซึ่งผู้ที่จะลดน้ำหนักต้อง พยายาม
ปรับเปลี่ยนคือ "ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม"
จากที่ขี้เกียจออกกำลังกาย หันมาเป็นผู้
นิยมการเคลื่อนไหวขยับร่างกาย
ซึ่งโดยปกติคนคนที่ มีรูปร่างอวบ
หนามักไม่ค่อยจะชื่นชอบในการขยับ
เขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายให้มากเกิน
ความจำเป็น โดยเฉพาะการออกกำลัง
กายชนิดที่ทำให้เหงื่อไหลโทรมและทำ
ให้หัวใจเต้นแรงหรือแม้แต่การจะเดิน
ให้ไกลขึ้น อาจเป็นเพราะความอุ้ยอ้าย
ในเวลาเดินทำให้ไม่อยากจะเดินมาก
อย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด
ที่ผู้ซึ่งต้องการจะลดน้ำหนักพึงกระทำ
คือการออกกำลังกายหรือการขยับ
เขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายบ้าง
ผู้ที่ไม่ชื่นชอบการออกกำลังกาย
พึงจะต้องปรับเปลี่ยนหันมาออกกำลัง
ควบคู่กันไปกับการควบคุมอาหาร
ทั้งนี้มีผลการวิจัยออกมาว่า "การ
ลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกายเพียง
อย่างเดียว จะสามารถลดน้ำหนักได้
น้อยกว่าการควบคุมอาหารเพียงอย่าง
เดียว"
(ข้อมูลจาก Be your shape
โดย COACH ZING)
โดยทั่วไปแล้วร่างกายของเรา
ต้องการพลังงาน 1,200 ถึง 2,000
แคลอรี่ และหากว่าในหนึ่งวันนั้น
เรารับพลังงานจากการกิน
อาหาร มากกว่าความต้องการ
ร่างกายก็จะลำเลียงส่วนที่เกินไป
สะสมไว้ในรูปของไขมัน การออก
กำลังกายจะช่วยให้ร่างกาย
นำพลังงาน ออกมาใช้และทำให้
การสะสมไขมันน้อยลงหรือไม่
สะสมไขมัน เลยซึ่งหมายถึงน้ำหนัก
ก็จะไม่เพิ่มขึ้น
วิธีการออกกำลังกายที่ได้ผลไม่ใช่
การหักโหมออกกำลังกาย แต่ต้องออก
กำลังตามที่สภาพร่างกายของเราจะ
อำนวย ที่ต้องการคือความสม่ำเสมอ
ในการออกกำลังกาย
เวลาที่ใช้ในการออกกำลังกาย
ประมาณ 30 นาที เป็นอย่างน้อย
สัปดาห์ละ 3 - 5 วัน
ในตอนแรกๆอาจจะยังทำได้ไม่
ถึงตามที่ต้องทำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะการออกกำลังกายอาจจะไม่เคย
อยู่ในแผนการที่จะใช้ชีวิตเช่นนั้นมา
ก่อน เราเพียงแต่ต้องฝึกทำให้สม่ำ
เสมอเพื่อให้เกิดความเคยชิน และนำ
ไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทำให้
เรารู้สึกได้ว่า การได้ขยับเขยื้อน
เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้เป็นภาระ
หนักใจของเราอีกต่อไป และสามารถ
ที่จะออกกำลังเพื่อให้ร่างกายเผา
ผลาญได้ดีขึ้น
นอกจากการออก
กำลังกายแล้ว ยังมีวิธี
ง่ายๆที่สามารถ ทำให้
ร่างกายเผาผลาญพลัง
งานได้ดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่ง
สามารถใข้ วิธีควบคู่
ไปด้วยกันกับการควบ
คุมอาหารและการออกกำลังกาย นั่นคือ
การนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ระดับ
เมตาบอลิซึ่มทำงานได้เต็มที่
(ระดับเมตาบอลิซึ่ม คือระดับการเผา
ผลาญในร่างกายหรือก็คือพลังงาน
พื้นฐานนั่นเอง)
การดื่มน้ำสะอาดในระดับอุณหภูมิปกติ
โดยไม่ต้องแช่เย็นก็เป็น อีกทางหนึ่งที่พอ
จะช่วยเร่งระดับพลังการเผาผลาญ
ได้อีกทางหนึ่งที่พอจะช่วยเร่งระดับ
พลังการเผาผลาญได้
วิธีการดื่มน้ำนั้นสามารถดื่มได้ทั้งวัน
โดยไม่จำเป็นต้องรอให้หิวน้ำก่อน ใช้
วิธีจิบแทนที่จะดื่มครั้งเดียวในปริมาณมากๆ แต่ควรดื่มให้ได้ในปริมาณ
8 - 10 แก้วต่อวัน น้ำจะเป็นตัวเร่งการ
เผาผลาญไขมันที่ดีทำให้ตับทำงานได้
เต็มที่ และขับถ่ายของเสียที่สะสมใน
ร่างกายได้อีกด้วย
![]() |
อาหารเสริมจำเป็นต่อการลดน้ำหนักหรือไม่? |
🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰🐰
🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑🐑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น